อัตตะชีวะประวัติ...หลวงปู่สว่างเป็นคนบางปะกงโดยกำเนิดเกิดที่หมู่บ้านบางปะกงบน เมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีระกา รศ. ๑๐๔ ตรงกับวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ครั้งนั้น หมู่บ้านบางปะกงมีการปกครองขึ้นอยู่กับ อ.เมืองบางปลาสร้อย จ.ชลบุรี หลวงปู่สว่างใช้นามสกุล"อินทรโท" บิดาชื่อ "ขุนพิทักษ์ชลธี"(ทอง อินทรโท)อดีตนายด่านเก็บภาษีปากน้ำบางปะกง มารดาชื่อ นางพิทักษ์ชลธี(หวาด อินทรโท) ปู่ชื่อ"ขุนอินทรโท"(อินทร์ อินทรโท)อดีตนายด่านเก็บภาษีปากแม่น้ำบางปะกง ต้นสกุล"อินทรโท" หลวงปู่สว่างมีพี่น้อง ๔ คนคือ ๑,นางแฉ่ง ๒,นางฉ่อง เจนการค้า ๓,หลวงปู่สว่าง อินทรโท ๔,นายต่วน อินทรโท เมื่อเยาว์วัย หลวงปู่ได้ศึกษาเบื้องต้นวิชามูลกัจจายกับท่านหลวงพ่อพระมหาขาว เจ้าอาวาสวัดบนคงคารามในขณะนั้น นร.รุ่นราวคราวเดียวกันก็คือท่านเจ้าคุณพระเทพวิมล (ชุ่ม ติสาโรมหาเถระ)อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ (ท่านเจ้าคุณชุ่มรูปนี้ เป็นคนบางวัว อายุแก่กว่าหลวงปู่สว่าง ๓ ปี เมื่อเป็นเด็กฆราวาสได้เคยมาเรียนวิชามูลกัจจายในสำนักเรียนพระมหาขาว วัดบางปะกงบน) เมื่อจบวิชามูลกัจจายแล้ว หลวงปู่สว่างได้เข้ารับการศึกษาต่อที่ รร.บวรวิทยายน ณ.วัดกลางบางปะกง โดยเป็นนักเรียนในสมัยเริ่มแรกของการก่อตั้งรร.บวรฯ เรียนจนสำเร็จชั้นมูลศึกษา ประโยคสองอักษรภาษาไทย มูลบทบรรพกิจ เมื่อพศ.๒๔๔๔ อายุได้ ๑๖ ปี
ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๘ ปี ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร (เป็นทหารเรือ) เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๖ รับราชการอยู่ ๒ ปี พอปลดประจำการแล้วจึงได้มาอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ณ.วัดบนคงคาราม เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๙ โดยมีหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แดง จนฺทสุวณฺโณวัดกลางบางปะกงเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจ้อย จนฺทโชโต รองเจ้าอาวาสวัดกลางบางปะกงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อเมือง ธมฺมปาโล เจ้าอาวาสวัดบนคงคารามเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า"สิริสุวณฺโณ"
เหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตของหลวงปู่สว่าง ของวัดคงคารามและของชาวบางปะกงก็คือเมื่อหลวงปู่อุปสมบทได้สองพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จประพาสบางปะกง ณ.วัดคงคารามเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๑ ครั้งนั้นได้มีการสร้างพลับพลารับเสด็จอย่างเป็นทางการ มีพสกนิกรมาคอยเฝ้ารับเสด็จมากมาย พระพุทธเจ้าหลวงทรงประทับเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว เสด็จทรงนมัสการพระพุทธรูปในพระอุโบสถ ทรงชมภาพจิตรกรรมฝ่าผนัง ทรงมีพระราชปฏิสันถารเยี่ยมเยียนราษฎร ทรงรับการทูลเกล้าถวายของพื้นบ้านกะปิน้ำปลากุ้งแห้งปลาเค็มต่างๆ และยังทรงพระมหากรุณาพระราชทานแจกเสมา"จปร"แก่ราษฎรเป็นอันมากพร้อมทั้งทรงพระกรุณาพระราชทานผูกเสมาคล้องคอแก่เด็กๆอีกด้วย
พระราชหัตถเลขาของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสบางปะกง ณ.วัดคงคาราม
พสกนิกรมาคอยเฝ้ารับและส่งเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ ณ.ปากอ่าวบางปะกงกันอย่างเนืองแน่น
ครั้นเมื่อหลวงพ่อเมืองมรณภาพลง หลวงปู่สว่างจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบนคงคารามสืบแทนเมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๒ อายุได้ ๓๕ พรรษา ๑๔
หลวงปู่สว่าง สิริสุวณฺโณ เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนไสยเวทพุทธาคมจากครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยน้ันหลายรูป อาทิเช่นหลวงพ่อพระครูเปิ้น พุทฺธสโร เจ้าอาวาสวัดบ้านเก่า เจ้าคณะแขวงอำเภอพานทอง จ.ชลบุรี หลวงพ่อปาน ติสฺโรวัดบางเหี้ย หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า
หลวงพ่อปาน ติสโร วัดบางเหี้ย
หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย เมื่อครั้งพาคณะพระสงฆ์ออกเดินธุดงค์ประจำปีนั้น ตามพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่พระองค์ทรงพระราชอธิบายถึงเส้นทางการเดินธุดงค์ของหลวงพ่อปานมีความตอนหนึ่งว่า"พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนา และธุดงค์วัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆไปธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย แรกลงไปประชุมกันที่วัดบางเหี้ย มีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใส ช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดิน ทางที่เดินนั้น ลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นไปปราจิณ นครนายก ไปพระบาท แล้วเดินลงมาทางสระบุรี ว่ามาตามทางรถไฟ แต่ไม่ขึ้นรถไฟ เว้นแต่พระที่่เมื่อยล้า เจ็บไข้ ผ่านกรุงเทพฯ กลับลงไปบางเหี้ย ออกเดินอยู่ในแรมเดือนยี่ กลับไปวัดอยู่ในราวเดือนห้าเดือนหก ประพฤติเป็นอาจิณวัตรเช่นนี้มา ๔๐ ปีแล้ว" ดังนี้ เส้นทางเดินของหลวงพ่อปานจากวัดบางเหี้ยไปบางปลาสร้อยชลบุรีนั้น ท่านจะเดินเลาะทางชายทะเลมาจากวัดบางเหี้ยคลองด่าน ผ่านหงส์ทอง สีล้ง สองคลอง แสมขาว ผีขุด ถึงปากอ่าวบางปะกง มาแวะพักที่วัดบางปะกงบนนี้ทุกครั้ง และที่วัดบนนี้ก็จะเป็นสถานที่รวมของพระสงฆ์ในย่านนี้เพื่อรอพบปะและเข้าร่วมไปธุดงค์กับคณะหลวงพ่อปาน ว่ากันว่ามีทั้งหลวงพ่อดิษฐ์วัดบางสมัคร หลวงพ่อเปิ้นวัดบ้านเก่า หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว หลวงพ่อสว่างวัดบนบางปะกง หลวงพ่อปี่ วัดโคกท่าเจริญพานทอง หลวงพ่อรักษ์วัดกลางบางปะกง หลวงก๋งเฉื่อย วัดล่างบางปะกง หลวงพ่อวาส วัดบนบางปะกง เหล่านี้เป็นต้น ล้วนเป็นพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ร่วมคณะเดินธุดงค์ไปพระบาทสระบุรีกับหลวงพ่อปาน โดยมาแวะพักรอคณะใหญ่ที่วัดบนบางปะกง แล้วจึงเดินต่อไปยังบางปลาสร้อยชลบุรีตามพระราชหัตถเลขานั้น ซึ่งที่เมืองบางปลาสร้อยนี้ ตามตำนานเมืองชลบุรีก็มีบันทึกไว้ว่าคณะหลวงพ่อปานไปพักที่เมืองบางปลาสร้อยก็มีพระสงฆ์รอร่วมคณะไปด้วยหลายรูป อาทิเช่นหลวงก๋งหลิม วัดน้อย และตามประวัติเส้นทางการเดินนี้นั้น ยังกล่าวไว้อีกว่าได้ไปแวะที่วัดอ่างศิลา และวัดสัตหีบ หลวงปู่ศรี และหลวงพ่ออี๋ ก็เข้าร่วมคณะเดินไปพระบาทด้วย เพราะฉนั้นหลวงปู่สว่างในฐานะที่ท่านเป็นสมภารเจ้าวัดจึงได้มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิด ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย และคงจะได้มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับคณะพระธุดงค์เหล่านั้น ซึ่งต่อมาก็ปรากฏว่าได้เป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายรูป...
ในส่วนการศึกษาวิชาอาคมกับหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่านั้น ตามประวัติวัดหัวเนินกล่าวไว้ว่า "ในปีพ.ศ.๒๔๖๒ได้กราบอาราธนานิมนต์
หลวงปู่ศุข เกสโร วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า เมืองชัยนาท มาปลุกเสกพระเครื่องในคราวหล่อพระพุทธชัยชนะสงครามพระประธานในพระอุโบสถ"ดังนี้ ครั้งนั้นเมื่อเสร็จภาระกิจที่วัดหัวเนินแล้ว(วัดหัวเนินอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง) ท่านก็ล่องเรือมาปากอ่าวบางปะกงแวะพักที่วัดบนคงคาราม( ซึ่งในปีพ.ศ.๒๔๖๒ นั้นหลวงปู่สว่างเป็นสมภารวัดบนปีแรก อายุ ๓๕ พรรษา ๑๔)) ท่านก็ได้ถวายการต้อนรับหลวงปู่ศุขและคณะเป็นอย่างดี และได้มีโอกาสขอศึกษาวิชาพุทธาคมต่างๆกับหลวงปู่ศุข และหลวงปู่ศุขยังได้มอบไม้ครู ทำด้วยหวายลงอักขระถักเชือกหัวท้ายแก่หลวงปู่สว่างเป็นที่ระลึกอีกด้วย
สหธรรมมิกที่เคารพนับถือกันเป็นอันดีก็คือหลวงพ่อดิ่ง คงฺคสุวณฺโณ วัดบางวัว เนื่องด้วยเป็นศิษย์ร่วมครูร่วมอาจารย์เดียวกัน เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ้นวัดบ้านเก่าเหมือนกัน เดินธุดงค์ไปพระบาทด้วยกัน ญาติพี่น้องของหลวงปู่สว่างได้ย้ายไปตั้งรกรากมีครอบครัวอยู่บางวัวก็ไม่น้อย จึงได้สนิทสนมคุ้นเคย ไปมาหาสู่กันเป็นอย่างดี หลวงพ่อดิ่งสร้างลิงเข้มขลัง หลวงปู่สว่างก็สร้างลิงได้ขลังไม่แพ้กัน
เหรียญหลวงปู่พระครูสว่างรุ่นแรกเนื้อเงิน
ในลำดับแรกนี้ จะได้กล่าวถึงการสร้างเหรียญรุ่นแรกของท่าน เนื่องในวาระที่ท่านได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวนที่พระครูสว่าง เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔ จึงได้จัดให้มีงานทำบุญฉลองตราตั้งและทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๖๖ ปีด้วย ในการนี้ได้มีการสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านเป็นรุ่นแรกในรูปใบสาเกเล็ก ด้านหน้าแกะเป็นรูปหลวงปู่สว่างห่มผ้าพาดสังฆาฏิหน้าค่อนข้างหนุ่มเพราะใช้รูปในสมัยที่ท่านยังไม่แก่มากเป็นต้นแบบ มีตัวอักษรภาษาไทยว่า"พระครูสว่าง"ด้านหลังเป็นยันต์ห้ามีตัวอักษรว่า"วัดคงคาราม บางปะกง" จำนวนการสร้างน่าจะอยู่ที่ ๑๐๐๐ถึง๑๕๐๐ เหรียญ ไม่เกินนี้ มีทั้งเนื้อนาค เนื้อเงิน เงินกะใหล่ทอง ทองขาว(อัลปาก้าร์)
อัลปาก้าร์กะใหล่เงิน ทองแดง ทองแดงกะใหล่ทอง ทองแดงกะใหล่เงิน
ภาพถ่ายต้นแบบกับรูปในเหรียญที่แกะออกมาแล้ว
ภาพพระสงฆ์กำลังฉันภัตตาหารในงานฉลองสมณศักดิ์ตราตั้ง และ ทำบุญอายุ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๔ ในภาพวงหลวงปู่สว่างมีหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว พระครูอาทรพิพิธกิจ (ด.เจียม จิรปุญฺโญ) วัดลาดขวางหรือต่อมาคือหลวงปู่พระพรหมคุณาภรณ์ วัดโสธรวราราม
หลวงพ่อปี่ วัดโคกท่าเจริญ และหลวงก๋งเฉื่อย ธมฺมโกโส เป็นต้น
ทะเบียนพระสังฆาธิการเมื่อรับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครู พ.ศ.๒๔๙๔
ในงานทำบุญครั้งนี้ นอกจากจะแจกเหรียญรุ่นแรกแล้ว ยังได้มีการแจกผ้ากระทงหรือผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดปากปักตัวอักษรสีชมพูว่า"งานทำบุญอายุ ๖๖ ปี พระครูสว่าง ๒๓ พย ๙๔" เป็นที่ระลึกอีกด้วย
บัญชีรายจ่ายในงานฉลองสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่สว่างเขียนบันทึกไว้ด้วยลายมือของท่านเอง ในบัญชีรายการที่สองทำให้ทราบว่าค่าจ้างทำเหรียญรุ่นแรกเป็นเงิน ๗๕๐ บาท และในรายการที่เก้ามีค่าผ้ากระทง ๔ บาท ๕๐ สตางค์
เหรียญรุ่นแรกเนื้อเงิน
ด้านหลัง
เหรียญรุ่นแรกเนื้อเงิน
เหรียญเนื้อเงินด้านหน้่า ด้านหลัง
เหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่เงิน
ท่านมรณะปีอะไรครับ
ตอบลบอยากมีไว้บูชาซักเหรียญครับ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ตอบลบ